เป็นหินอัคนีแทรกซอนชนิดหนึ่ง เนื้อหยาบถึงหยาบมาก ประกอบด้วยเฟลด์สปาร์และแร่ควอตซ์เป็นส่วนใหญ่ และยังมีแร่อื่น ๆ เช่นไมก้าหรือฮอร์นเบลนด์ ปนอยู่ด้วย ผลึกแร่อาจมีหนึ่งหรือสองเกาะก่ายกัน มีลักษณะเป็นดอกๆ ประปราย และเนื้อหยาบ หินแกรนิตมีความแข็งแรงสูง ทนต่อการขีดข่วนจากของมีคม ใช้ทำหินประดับ หินแกะสลักทำอนุสาวรีย์ วัสดุก่อสร้างเป็นหินที่ความทนทานสูง มีลวดลายเฉพาะตัว และสีของหินแกรนิตนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้เป็นที่นิยมเช่นกันค่ะ ส่วนใหญ่จะถูกนำมาประดับอาคารสถานที่เป็นส่วนใหญ่ เช่น ทำเคาน์เตอร์ต่างๆ บรรได ปูพื้น กำแพง อ่างล้างมือ และครกที่เราใช้กันเป็นส่วนมากค่ะ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง รับน้ำหนักได้สูง การดูแลนั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดเท่านั้นค่ะ

หินแปรเนื้อละเอียด เกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ที่สะสมอยู่ในท้องทะเลหรือมหาสมุทรมาก่อน กระทั่งเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นในบริเวณดังกล่าว รวมถึงผ่านกระบวนการทางธรณี เช่น เกิดมีแมกมาไหลออกมา และพอดีหินที่สะสมไว้ในทะเลไปโดนกับแมกมาเข้า สำคัญคือแมกมานั้นเต็มไปด้วยความร้อน ความดัน และก๊าซ จึงทำให้แคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ละลาย แล้วตกผลึกใหม่ มีขนาดใหญ่ เกิดเป็นหินอ่อนขึ้นมาได้ในที่สุด แต่ในกรณีที่เกิดการหลอมละลาย แล้วตกผลึกไม่หมดทีเดียว ก็จะเกิดหินปูนคล้ายหินอ่อน และจะพบพวกซากเปลือกหอยทะเลต่างๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่รวมกับตะกอนแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเนื้อหินอ่อนจะแวววาวขึ้น โดยมากมีสีขาว แต่ก็พบสีอื่น เช่น ชมพู แดง เหลือง น้ำตาล และดำ ทำปฏิกิริยากับกรดเกลือ ประโยชน์ใช้ทำหินประดับ หินแกะสลัก อุตสาหกรรมเคมี หินอ่อนเป็นหินที่ให้ความเงางาม หรูหรา ด้วยลวดลายที่เป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หินอ่อนจะมีความแข็งน้อยกว่าหินแกรนิต มีรูพรุนอยู่บ้างตามลักษณะทางธรรมชาติ จึงไม่เก็บความร้อน แต่ชอบดูดซับความเย็น ใช้งานเป็นหินประดับ เช่น ปูพื้นอาคาร, ปูผนัง ใช้ทำ Top โต๊ะ ปูขั้นบันได และงานแกะสลักเป็นรูปแบบต่างๆ

ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์หินเทียม เคลือบผิวหน้าด้วย UV high gloss มีลักษณะมันวาว ที่ต้องการความสวยงาม มีความคล้ายหินจริง มีข้อดีคือไม่มีรูพรุนสามารถป้องกันการดูดซึมน้ำได้อย่างสมบูรณ์ จึงไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ทนความร้อน กรดและด่าง ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ตอบโจทย์ในเรื่องของการตกแต่งและดีไซน์ที่สวยงามได้เป็นอย่างดี หินอ่อนและหินแกรนิต หินเทียมมีหลายประเภท ได้แก่ หินเทียมที่ผลิตจาก อะครีลิค 100% สามารถป้องกันรังสียูวีทำให้สีไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทนความร้อนกรดและด่างสามารถดัดโค้งได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมการตกแต่งและออกแบบ หินเทียมที่ผลิตจากอะครีลิคผสมโพลีเอสเตอร์ หินเทียมชนิดนี้จะแตกต่างกับหินเทียมชนิดแรก เพียงตรงที่ดัดโค้งง้อได้ยากกว่า และหินประเภทสุดท้าย หินสังเคราะห์ที่เรียกว่า Engineered Stone จะมีส่วนผสมของแร่หินควอตซ์ แก้วโพลิเมอร์เรซิ่นและสี คุณสมบัติพิเศษของหินชนิดนี้ คือมีความต้านทานต่อการเกิดรอยด่างสูง และสามารถทนความร้อนได้มากกว่า 200 องศาเซลเซียส การเลือกหินแต่ละชนิดให้เหมาะสมจะช่วยตอบโจทย์การตกแต่งพื้นที่ของคุณให้มีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

หินสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิตขึ้นจากการนำแร่ควอตซ์มาผสมกับเรซินและผงสี มีจุดเด่นที่ความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนจากของมีคม สามารถทนต่อคราบเปื้อน  ความร้อนในอุณภูมิสูงและความเย็น นอกจากนี้ยังไม่มีรูพรุนในเนื้อหินป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและง่ายต่อการดูแลรักษา ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้สามารถนำไปใช้กับพื้นที่ที่ใช้งานหนักและต้องการความสะอาดสูงอย่างเช่นพื้นที่ครัวได้เป็นอย่างดีหรือแม้กระทั้งพื้นที่ครัวหนักอย่างครัวไทยเป็นต้น  แต่อย่างไรก็ตามในด้านการทนความร้อนยังไม่เท่ากับหินธรรมชาติบางประเภท สามารถนำมาใช้ตกแต่งส่วนต่างๆ ของบ้านได้อย่างหลากหลาย เช่น ทำท็อปครัว ประดับตกแต่งผนัง ปูพื้น ท็อปเค้าน์เตอร์ห้องน้ำ