หินแกรนิต (Granite) เป็นหินอัคนีแทรกซอน สีจางพบได้ทั่วไปเป็นปรกติ แกรนิตมีเนื้อขนาดปานกลางถึงเนื้อหยาบ บางครั้งจะพบผลึกเดี่ยวๆบางชนิดที่มีขนาดใหญ่กว่ามวลเนื้อพื้น (groundmass) เกิดเป็นหินที่รู้จักกันในนามของพอร์พายรี (porphyry) แกรนิตอาจมีสีชมพูจนถึงสีเทาเข้มหรือแม้แต่สีดำขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีและองค์ประกอบทางแร่ หินโผล่ของหินแกรนิตมีแนวโน้มจะเกิดเป็นมวลหินโผล่ขึ้นมาเป็นผิวโค้งมน บางทีหินแกรนิตก็เกิดเป็นหลุมยุบรูปวงกลมที่รายล้อมไปด้วยแนวเทือกเขาเกิดเป็นแนวการแปรสภาพแบบสัมผัสหรือฮอร์นเฟลส์
แกรนิตมีเนื้อแน่นเสมอ (ปราศจากโครงสร้างภายใน) แข็ง แรงทนทาน ดังนั้นจึงถูกนำไปใช้เป็นหินก่อสร้างกันอย่างกว้างขวาง ค่าความหนาแน่นเฉลี่ยของหินแกรนิตคือ 2.75 กรัม/ซม3 และค่าความหนืดที่อุณหภูมิและความกดดันมาตรฐานคือ ~4.5 • 1019 Pa•s.[1]
คำว่า “granite” มาจากภาษาลาตินคำว่า “granum” หมายถึง “grain” หรือ “เม็ด” ซึ่งมาจากลักษณะโครงสร้างผลึกในเนื้อหินที่เป็นเม็ดหยาบ
หินแกรนิต มี 2 ลักษณะคือ
1. หินแกรนิตที่ตากแดดไม่ได้ เช่น ดำย้อม, ดำจีน (แจ๊ปโป้), ดำซานซี, แดงย้อม (เชอร์รี่เรด), แดงอินเดียดอกเล็ก, อินเดียดอกใหญ่ และเขียวปากี
2. หินแกรนิตตากแดดได้ เช่น ดำเกร็ดทอง, ดำอัฟริกา, ดำอินเดีย, ดำซุปเปอร์แบล็ค, โลตัสแบล็ค (ดำไทย), เทาลายเมฆ, แทนบราวน์, บาติกบราวน์, เอ็มเมอร์รัลเพิร์ล, สตอร์มกรีน, พาราดิโซ่ เป็นต้น
Credit: th.wikipedia.org